มีชายหนุ่มคนนึงเขาคิดว่าเขาไม่ค่อยฉลาดจึงอยากทำ "ศัลยกรรมเปลี่ยนสมอง" เขาเลยไปปรึกษาหมอ
หมอ : ราคาศัลยกรรมไม่แพงนะ เพราะราคาสมองจะต่างกันแล้วแต่เราเลือก
ชายหนุ่ม : โอเค หมอแนะนำผมได้เลย
หมอ : นี่ๆ สมองคนอเมริกา $10,000
ชายหนุ่ม : โหหมอแพงจัง
หมอ : เอ้าก็สมองคนอเมริกา อเมริกาเป็นมหาอำนาจ ถ้าไม่ถูกใจ
งั้นนี่ๆ สมองคนญี่ปุ่น $30,000
ชายหนุ่ม : โหทำไมแพงจัง
หมอ : ก็สมองคนญี่ปุ่น คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆเยอะไง ถ้ายังไม่ถูกใจ
งั้นๆ นี่สมองคนไทย $100,000
ชายหนุ่ม : สมองคนไทยดียังไง ทำไมแพงสุดอะ
หมอ : อ่อ มันไม่ค่อยได้ใช่ไงเลยแพง
ชายหนุ่ม : โอเค หมอแนะนำผมได้เลย
หมอ : นี่ๆ สมองคนอเมริกา $10,000
ชายหนุ่ม : โหหมอแพงจัง
หมอ : เอ้าก็สมองคนอเมริกา อเมริกาเป็นมหาอำนาจ ถ้าไม่ถูกใจ
งั้นนี่ๆ สมองคนญี่ปุ่น $30,000
ชายหนุ่ม : โหทำไมแพงจัง
หมอ : ก็สมองคนญี่ปุ่น คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆเยอะไง ถ้ายังไม่ถูกใจ
งั้นๆ นี่สมองคนไทย $100,000
ชายหนุ่ม : สมองคนไทยดียังไง ทำไมแพงสุดอะ
หมอ : อ่อ มันไม่ค่อยได้ใช่ไงเลยแพง
ตอนผมได้ฟังก็คิดว่านี่มันเล่านิทานให้ฟัง หรือมันกำลังด่ากูวะ
แต่นิทานนี้กำลังจะบอกว่า บางทีเราก็ติดนิสัยที่ชอบบอกว่า "ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันดีอยู่แล้ว" จึงไม่ค่อยคิด ไม่ค่อยเริ่มลงมือทำอะไรจนเจอ "วิกฤต" ก็เริ่มโวยวายหาโอกาสแต่พอ "วิกฤต"ผ่านไปก็กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม
แต่นิทานนี้กำลังจะบอกว่า บางทีเราก็ติดนิสัยที่ชอบบอกว่า "ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันดีอยู่แล้ว" จึงไม่ค่อยคิด ไม่ค่อยเริ่มลงมือทำอะไรจนเจอ "วิกฤต" ก็เริ่มโวยวายหาโอกาสแต่พอ "วิกฤต"ผ่านไปก็กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม
มันจึงมีคำถามที่ว่า
จะรอให้เจอ "วิกฤติ" แล้วค่อยเปลี่ยนแปลง
หรือ
จะเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้ที่เราเจอ "วิสัยทัศน์"
จะรอให้เจอ "วิกฤติ" แล้วค่อยเปลี่ยนแปลง
หรือ
จะเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้ที่เราเจอ "วิสัยทัศน์"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น